สวัสดีจ้าสาวๆ วันนี้เบลล์มีของเด็ดมารีวิวให้ชมกันอีกแล้ว
เป็นรีวิวคุชชั่นลูกรัก YSL FUSION INK CUSHION FOUNDATION คุชชั่นฝั่งยุโรปที่ใช้ดีไม่แพ้สายเกาหลี
รีวิวเน้นๆพร้อมทดสอบความติดทนยาวนานทั้งวัน รอดไม่รอด ติดตามค่ะ
รีวิวเน้นๆพร้อมทดสอบความติดทนยาวนานทั้งวัน รอดไม่รอด ติดตามค่ะ
กรี๊ดมากกกกกกกกกกก คือแค่เห็นตลับก็ต้องกรีดร้อง
สวยมากกกกก สวยจริงๆ ดูหรูหราตามสไตล์ YSL แต่เดี๋ยวก่อน คุณคะ…
Cushion YSL ตัวนี้ เค้าไม่ได้มีดีแค่ตลับสวยนะจ๊ะ อยากบอกว่าใช้ดีด้วยล่ะเออ
เบลล์ลองใช้มาพักใหญ่ๆแล้ว ค่อยนำมาเขียนรีวิวนี้
ต้องบอกก่อนเลยว่า ปกติเป็นคนไม่ค่อยใช้คุชชั่นนะคะ
วันปกติธรรมดาจะใช้แค่กันแดดแล้วตบแป้งรองพื้นเลย
หรือถ้าวันไหนออกงานก็จัดเต็มรองพื้นแบบน้ำไปเลย
คุชชั่นเลยจะหยิบมาใช้แค่ช่วงหนาวๆ หรือไปต่างประเทศ เอาไว้ทาหน้าฉ่ำสู้อากาศเย็นๆ
ซึ่งจะเอามาใช้ในบ้านเรา มันก็แอบไม่เหมาะกับ lifestyle และสภาพอากาศ
แต่พอมาเจอคุชชั่นตัวนี้ของ YSL แล้วกลายเป็นว่าหยิบมาใช้ทุกวันเลยจ้า 555
ในช่วงที่อากาศร้อนๆแบบนี้ ก็ยังกล้าหยิบมาใช้นะ จะเพราะอะไร ขอให้ลองอ่านรีวิวนี้ดูค่ะ ☺
คุณสมบัติเด่นของ YSL FUSION INK CUSHION FOUNDATION
• เป็นรองพื้นในรูปแบบตลับหมึก หรือ “คุชชั่น” สูตรแรกของ YSLพกพาสะดวก สามารถเติมหน้าได้ตามต้องการ• ให้ผิวแบบ LUMINOUS MATTE FINISH คือ ไม่ได้แมทจนดูแห้งด้านแต่จะดูเปล่งปลั่งเป็นธรรมชาติ ผิวไม่มัน• เป็นสูตร LONG-LASTING AND BUILDABLE COVERAGEคือ ติดทนยาวนานและสามารถเพิ่มระดับการปกปิดได้• มาพร้อมกับค่าการกันแดด SPF 23 / PA++• วางจำหน่ายทั้งหมด 6 เฉดสี มีหลายระดับความเข้มให้เลือกสาวๆผิวเข้มน่าจะถูกใจโทนสีคุชชั่นรุ่นนี้ค่ะ
บรรจุภัณฑ์
ขอเริ่มที่แพคเกจภายนอกกันก่อน
เค้าจะมาในกล่องสีทองอร่าม สวยหรูตามสไตล์ YSL
มีระบุรายละเอียดต่างๆครบถ้วน รวมถึงฉลากภาษาไทย
เมื่อแกะกล่องออกมา ก็จะเจอกับตลับคุชชั่นสีดำเงาวับ ขอบสีทอง พร้อมโลโก้ YSL สีทองปังๆอยู่ด้านบน
ด้านหลังตลับก็มีรายละเอียดต่างๆ พร้อมเบอร์สีระบุเอาไว้ชัดเจน ตัวตลับมีน้ำหนักเบาพกพาสะดวก
ควักออกมาเติมก็สวยเด่น เหมือนเป็นหนึ่งใน accessories ติดตัว
เมื่อกดปุ่มด้านหน้าตลับ เปิดฝาออกจะเจอกับกระจกเต็มบาน และพัฟเค้าเป็นแบบ air puff
ด้านบนสีดำพร้อมสายคาดริบบิ้นสีดำเงา ทอลาย YSL เหลือบๆเอาไว้ พัฟด้านล่างเป็นสีขาวนุ่มๆ
เวลาใช้งานก็แค่สอดนิ้วมือเข้าไปสามนิ้ว แล้วยกพัฟขึ้น ก็สามารถใช้งานได้ทันที
ตัวตลับจะแบ่งเป็นสองชั้น ด้านบนเป็นถาดวางพัฟ
เมื่อเปิดออกด้านข้าง ก็จะเจอกับฝากระดาษสีขาว ซีลปากตลับเอาไว้
เมื่อใช้ครั้งแรกก็ให้ลอกออก ก็จะเจอกับฟองน้ำคุชชั่นนุ่มๆ ที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อรองพื้นฉ่ำๆ
แค่แตะพัฟลงในฟองน้ำคุชชั่นเบาๆ ยกขึ้นมา กดๆลงบนผิวได้เลย ง่าย สะดวก และเนียนทันที
ซูมๆให้ดูตรงฟองน้ำที่อุ้มเนื้อรองพื้นเอาไว้
บอกเลยว่าเปิดออกมา แค่แตะเบาๆเนื้อรองพื้นก็ติดออกมาเลยค่ะ
ไม่ต้องกดย้ำแรงๆแบบคุชชั่นเกาหลีเลยจ้า
ทดลองใช้ YSL FUSION INK CUSHION FOUNDATION
เบลล์ได้ลองใช้คุชชั่นตัวนี้ในหลายๆแบบ ใช้เพียวๆ ใช้กับกันแดดแบบต่างๆ
ใช้คู่กับแป้งฝุ่นหลายๆแบบก็ให้ผลที่ดีใกล้เคียงกัน
ทีนี้ เรามาดูผิวที่ได้หลังจากลงคุชชั่น YSL กันเลยดีกว่าค่ะ
เบลล์ใช้สี 30 ระดับความเข้มจะใกล้กับผิวเบลล์ที่สุด แต่ยังสว่างกว่าผิวเล็กน้อย
และมีติดโทนสีชมพูมาบ้างสำหรับเบลล์ใช้แล้วสีนี้โอเคนะคะ
ไม่หมอง ไม่เทา ไม่ดรอป ทาไปแล้วดูกลืนๆ ให้ฟินิชผิวที่สวยมากๆ
การปกปิดกลางๆ แต่สามารถเกลี่ยโทนสีผิวให้กลมกลืนเข้ากันได้ดี
บริเวณที่มีรอยแดงจางๆ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ คุชชั่น YSL ตัวนี้ก็ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกันมากขึ้น
แต่ในส่วนของรอยดำเข้มๆ รอยสิว อาจจะยังกลบได้ไม่มิด
ส่วนแพนด้าใต้ตา จะเห็นว่ากลบได้ดีประมาณนึง แต่ถ้าแพนด้าหนักมากๆ ก็ยังต้องพึ่งคอนซิลเลอร์ช่วยอยู่นะคะ
สำหรับเบลล์ถือว่า คุชชั่น YSL ให้การปกปิดในระดับที่โอเค
ใช้ได้ทุกวัน เบาสบายผิว สดชื่น ไม่อึดอัดผิวเลยค่ะ
และสำหรับฟินิชผิวแบบ LUMINOUS MATTE FINISH เป็นอะไรที่ชอบมากๆๆ
ผิวดูเงาโกลวนิดๆ เป็นธรรมชาติ ดูไม่แห้งแป๋แบบลงแป้งแมท แต่ก็ไม่เงาวาวแบบคุชชั่นเกาหลี
คือเป็นผิวกลางๆ เป็นลุ๊คที่อยากให้เป็นในชีวิตประจำวัน ชอบมากๆค่ะ
ตอนนี้เลยหยิบคุชชั่น YSL มาใช้เกือบทุกวัน ไม่ว่าจะวันชิลๆ หรือวันออกงานก็ยังใช้
ถ้าวันที่แต่งเต็มก็จะลุ๊คประมาณนี้ค่ะ ผิวสวยๆแต่งจุดอื่นๆก็ง่ายขึ้น
แม้จะไม่ได้ปกปิดมิดชิด แต่ผิวที่ได้ดูมีความเปล่งปลั่ง ดูสวยสดชื่น ก็ทำให้ทุกลุ๊คสมบูรณ์มากขึ้นค่ะ
ทดสอบความติดทน
จากชื่อรุ่นของคุชชั่นรุ่นนี้ ยังคง concept ความติดทนราวน้ำหมึก ในแบบ INK IN CUSHION
เนื่องจากชื่อรุ่นจะคล้ายๆรองพื้น FUSION INK รุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้
แต่บอกเลยว่าเนื้อไม่เหมือนกันนะคะ คุชชั่นตัวนี้จะให้ความชุ่มชื้นมากกว่า
ส่วนระดับความติดทน ดูจากรูปเลยค่ะ
ซูมใกล้ๆชัดๆ…
เบลล์เป็นคนผิวผสมนะคะ จะมันช่วงทีโซนในระยะเวลาราวๆ 3-4 ชม.
แต่ถ้าเจอรองพื้นที่ไม่คุมมันเลย ทีโซนจะเละไวมากๆ แต่คุชชั่น YSL ตัวนี้เค้าทำได้ดีทีเดียวค่ะ
ไม่ใช่ว่าหน้าจะไม่มันเลย ผิวยังมีความมันตามเวลาอันสมควร แต่ด้วยความที่ติดทน เลยยังดูไม่เละค่ะ
วันที่ถ่ายรูปนี้แต่งหน้าตั้งแต่ 9 โมง ออกไปเดินห้าง เดินนอกห้างร้อนๆ
ไปกินปิ้งย่างหน้าเตาถ่านร้อนๆ ถ่ายรูปเช็คสภาพตอนบ่ายสอง เดินเล่นต่อจนหมดวัน
กลับมาบ้านถ่ายรูปราวๆสามทุ่ม รวมๆก็ประมาณ 12 ชม. ไม่ซับหน้าเลย
ก็จะเห็นว่าหน้ามันขึ้นบ้าง ตรงจมูกหลุดบ้าง แต่โดยรวมยังดูโอเค สีไม่ดรอป หน้าไม่หมอง
ยังดูสดชื่นทั้งวัน เลยลองซับหน้าแล้วทัชอัพ คือ ลงคุชชั่นเติมเข้าไปในส่วนที่จาง
ก็จะได้แบบในรูปสุดท้ายค่ะ
สำหรับความเห็นส่วนตัว เบลล์คิดว่าคุชชั่นตัวนี้ให้ผิวที่สวยถูกใจอยู่ในสภาพที่ดีประมาณ 6 ชม.ได้ พอหลังจากนั้นจะเริ่มหลุดบ้างในจุดที่หน้ามันมากๆแต่ก็ไม่ต้องห่วง เพราะเราสามารถพกคุชชั่นตัวนี้ออกไปเติมหน้าได้โดยที่ยังได้ฟินิชผิวแบบเดิมไม่แห้งแมทแบบการเติมแป้งแบบปกติค่ะ นี่ก็เป็นอีกจุดที่ทำให้ชอบคุชชั่น YSL มากๆนอกจากจุดที่ชมไปเยอะแล้ว เค้าก็ยังมีจุดที่เบลล์ไม่ค่อยโอเค คือด้วยความที่เป็นแบรนด์ไฮเอนด์ ราคาจึงค่อนข้างสูง 14g. ราคา 2,300 บาทแต่ถ้าไม่ติดเรื่องราคาและปริมาณ เรื่องอื่นๆเบลล์โอเคหมดเลย ชอบค่ะเบลล์คิดว่า YSL FUSION INK CUSHION FOUNDATION น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับสาวๆที่ชอบผิวเปล่งประกาย ไม่แมทแห้ง แต่ก็ไม่มันวาว ชอบความสะดวกสบายพกไปเติมระหว่างวันได้สบายๆ เบลล์อยากให้ไปลองที่เคาน์เตอร์ ลองสัมผัสเนื้อดูนะคะแล้วอาจจะได้สอยติดไม้ติดมือกลับบ้านมาคนละตลับสองตลับ ฮ่าๆๆ
สำหรับเบลล์ นี่เป็นหนึ่งในคุชชั่นลูกรักไปแล้ว คาดว่าถ้าใช้หมดคงต้องไปซื้อมาใช้ต่อแน่ๆ
ยังไงก็หวังว่า รีวิวนี้จะเป็นข้อมูลให้กับเพื่อนๆ ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อคุชชั่นที่ถูกใจนะคะ
เพื่อนๆสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งก์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
สำหรับรีวิวนี้ก็จัดเต็มให้อ่านกันเน้นๆแล้ว เจอกันใหม่บล็อกหน้านะคะ
บายจ้าๆ